ตัวเรือนยังสวยงามเช่นเคย เพิ่มเติมคือ ‘สีใหม่’ มีให้เลือกเยอะขึ้น และความแข็งแรงทนทาน
เริ่มต้นกันที่ดีไซน์ก่อน สำหรับ Apple Watch 6 ที่เราใช้งานนั้นเป็นตัวเรือนแบบสเตนเลส ขนาดหน้าปัด 44 มม. สีดำกราไฟต์ (ในโมเดลสเตนเลสยังมีสีทองและเงินให้เลือกอีก 2 สี) สายแบบ Milanese Loop สีเดียวกับตัวเรือน เข้าคู่กันลงตัวพอดีเป๊ะ สนนราคาอยู่ที่ 25,900 บาท ซึ่งดีไซน์ตัวเรือนโดยรวมจะไม่ได้แตกต่างหรือเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นที่แล้วอย่าง Watch 5 มากนัก
ส่วนในรุ่นอะลูมิเนียมจะมีสีให้เลือกเพิ่มขึ้นหลากหลายจาก Watch 5 อยู่พอสมควรคือ เงิน, ฟ้า, เทาสเปซเกรย์, สีทอง และสีแดง (PRODUCT)RED และรุ่นไทเทเนียมมีสีให้เลือก 2 สีคือ ดำธรรมชาติและดำสเปซแบล็ก
แวบแรกที่เปิดกล่อง หยิบเอาตัวเรือนออกมาจากกล่อง ความรู้สึกที่มีต่อ Watch 6 คือ เราพบว่าตัวเรือนสวยงามหรูหราสมราคาการเป็น Apple Watch มากๆ (แม้จะไม่ได้เปลี่ยนไปจาก Watch 5 ก็ตาม) ด้วยความที่วัสดุเป็นแบบสเตนเลส มันจึงเงางามและรีเฟลกซ์แสงที่ตกกระทบมาบริเวณตัวเรือนได้เป็นอย่างดี แต่ในเวลาเดียวกัน จุดสังเกตของการที่ตัวเรือนเป็นแบบสเตนเลสคือหากคุณไม่หมั่นเช็ดถูทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ กรอบตัวเรือนซึ่งจะต้องสัมผัสกับนิ้วอยู่บ่อยๆ ก็จะเป็นรอยนิ้วมือคราบมันได้ง่ายเช่นกัน
ขณะที่บริเวณกระจกหน้าปัดเรือน ในรุ่นสเตนเลสและไทเทเนียมจะใช้จอแบบ ‘ผลึกแซฟไฟร์’ และรุ่นอะลูมิเนียมจะใช้จอภาพกระจก Ion‑X ซึ่งในมุมของผู้ใช้งาน เรามองว่าวัสดุกระจกแบบแซฟไฟร์แข็งแรงและทนทานมากๆ ไม่ค่อยเป็นรอยง่ายๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคย Drop Test ด้วยความไม่ตั้งใจ (พลาดทำตกตอนกำลังจะสวมในข้อมือ) แต่ตัวหน้าปัดกลับไม่ปรากฏรอยบิ่นหรือรอยขีดข่วนใดๆ เลยแม้แต่น้อย (ขอเตือนว่าคุณไม่ควรไป Drop Test ด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะอาจจะไม่โชคดีเหมือนกับเรา)
ต่างจากโมเดลแบบอะลูมิเนียมที่ใช้กระจกหน้าปัดแบบ Ion‑X ซึ่งเราเคยมีประสบการณ์ใช้งานในรุ่น Watch 4 แล้วพบว่ามันเป็นรอยง่ายมากๆ เพราะแค่เผลอทำหน้าปัดกระแทก เฉี่ยวขอบโต๊ะ มันก็พร้อมจะเป็นรอยขีดข่วนกวนใจได้แล้ว ดังนั้นถ้าต้องเลือกจริงๆ เราขอชูป้ายไฟเชียร์ให้คุณพิจารณาตัวเครื่องที่ใช้วัสดุแบบสเตนเลสขึ้นไปน่าจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและทนทานมากกว่า
อีกจุดความเปลี่ยนแปลงคือการที่ Apple เปลี่ยนมาใช้วัสดุสายนาฬิกาแบบรัดแนบสนิทไปกับข้อมือ เช่น สายซิลิโคนแบบ Solo Loop Band ที่ไม่มีเข็มมาให้กลัดแล้ว แต่จะใช้วิธีสวมเข้าไปให้แนบกับข้อมือเลย (ต้องวัดขนาดข้อมือก่อนเลือกซื้อสาย) ซึ่งจุดสังเกตคือเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ ตัวสายอาจจะขยายใหญ่และหลวมได้ หรือสายแบบ Braided Solo Loop ซึ่งใช้วัสดุแบบผ้าถักรีไซเคิลผสมเข้ากับด้ายซิลิโคน
จอไม่ดับ ‘Always on Display’ สว่างกว่าเก่า watchOS 7 ช่วยให้ตัวเรือนทำงานฉลาดกว่าเดิม
Apple Watch 6 มาพร้อมกับชิปประมวลผล SiP รุ่น S6 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual-core 64 บิต ช่วยให้ประมวลผลการทำงานโดยทั่วไปได้เร็วกว่าชิป S5 ใน Watch 5 สูงสุด 20%
หน้าจอเป็น LTPO OLED Retina (ความสว่าง 1,000 นิต) แบบติดตลอด หรือ ‘Always on Display’ ที่ Apple เปิดตัวครั้งแรกในรุ่นที่แล้ว แต่มาครั้งนี้ Apple ได้ปรับให้จอของ Watch 6 แสดงผลได้สว่างขึ้นจาก Watch 5 ที่ราว 2.5 เท่า มีประโยชน์มากๆ เวลาออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งในสภาพแวดล้อมแดดจัดๆ
ข้อดีของการใช้งาน Always on Display จากมุมมองของเราคือการที่ไม่ต้องบิดข้อมือมาให้ตรงกับองศาหน้าเพื่อดูเวลาอยู่บ่อยๆ เพราะแค่เหลือบตา ชำเลืองมองก็สามารถดูเวลาบนหน้าปัดได้แล้ว เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน Apple Watch ได้ดีจนลืม Watch 4 ไปเลย (สามารถปิดโหมดแสดงผลแบบติดตลอดเวลาได้ ถ้าต้องการประหยัดแบตเตอรี่)
ขณะที่ตัวแบตเตอรี่ของ Watch 6 ยังเป็นลิเธียมไอออน ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 18 ชั่วโมงเช่นเคย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับ Watch 4 ที่ไม่มีฟีเจอร์ Always on Display จะพบว่าตัวเครื่องสามารถทำงานได้อึดถึกทนขึ้นมากๆ และใช้เวลาชาร์จเร็วขึ้นกว่าใน Watch 5 ที่ 1 ชั่วโมงครึ่ง (เดิม 2 ชั่วโมงครึ่ง) ย่ิงใช้คู่กับ watchOS 7 ก็จะพบกับ ‘ความสะดวกและความฉลาด’ ของ Watch 6 มากๆ เพราะเมื่อตัวเรือนชาร์จแบตฯ เต็มหรือใกล้เต็มแล้ว ข้อมูลทั้งหมดก็จะเด้งเตือนมาที่ iPhone ของคุณเพื่อให้ทราบสถานะการชาร์จได้ง่ายๆ
แต่ข้อเสียคือ เมื่อมันใช้งานได้แค่ 18 ชั่วโมง ความหมายคือคุณก็ยังจะต้องใช้ Watch 6 แล้วชาร์จแบตฯ แบบวันต่อวันอยู่ดี ไม่สามารถปล่อยข้ามวันแล้วใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนนาฬิกาออกกำลังกายของแบรนด์อื่นๆ ที่ถูกออกแบบมาให้ซัพพอร์ตการใช้งานข้ามวันข้ามคืนแบบลืมเดือนลืมตะวัน
ยิ่งถ้าคุณต้องเดินทางไปค้างแรมต่างที่ต่างถิ่นเป็นเวลาหลายๆ วัน ก็จะต้องคอยเตือนสติตัวเองไม่ให้ลืมหยิบเอาสายชาร์จแถบแม่เหล็กพกเข้ากระเป๋าเดินทางทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นแล้ว Watc
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 081-9160211 , 081-9160211